ภาคิน คําวิลัยศักดิ์ คืออะไร

ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ เป็นศาสตราจารย์และนักเขียนชาวไทยที่มีชื่อเสียงในวงการวรรณกรรม และวรรณคดีไทย เขาเกิดเมื่อวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2497 ในจังหวัดสมุทรปราการ แต่เป็นโลกระทึกที่เสียชีวิตลงวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2551 เมื่ออายุครบ 54 ปี โดยสาเหตุเบาหวาน

เจ้าของปรากฏการณ์การเรียนรู้ด้านนวัตกรรมและการสัมผัสประสบการณ์ทางสังคมต่างๆ ในทุกภาคของโลก ภาคินได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยา ตลอดจนการวิจัยทางวรรณคดี และกระบวนการประดิษฐ์นวนิยาย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความประทับใจในการคิดเชิงสังคมและมนุษยศาสตร์

เขาเรียนตลอดระดับชั้นประถมศึกษาในพระนครศรีอยุธยา และประถมศึกษาในวีรบุรุษ จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นโรงเรียนที่เดียวกันกับนักเขียนชื่อดังอย่างบุพเพสันนิวาส หลังจากนั้น ภาคินได้เรียนรดีตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในโรงเรียนนานาชาติเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดอุบลราชธานี และได้รับทุนละครของสถาบันอุมาเทวี ทำให้เขาสามารถได้เลือกเข้าศึกษาต่อที่อังกฤษ แต่เขาเลือกกลับมาศึกษาที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ภาคเกษตรศาสตร์ เพราะมีพี่ชายที่เป็นทหารอยู่ที่ประเทศอังกฤษในช่วงนั้น

ในระหว่างการศึกษาในช่วงปีที่ 2 และ 3 นายภาคินได้จัดทำโครงการที่จนเป็นหนังสือต้นฉบับเรื่อง "Khun Chang Khun Phaen" ซึ่งเป็นงานเสือกสร้างจากนิทานที่เขาได้ยินจากปู่ของเขาเอง หรือนำเข้ามาจากที่อื่นก็ว่าได้ สำหรับบทกวีที่พ่วงต่อหลัพพระภาคแม่จำนำ เขาฝึกเขียนบทกวีในบรรทัดแรกของจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นเชื่อมต่อกันหรือสวมล้อมตัดทอนยอดกุ้งอื่นทั้งที่มีอยู่แล้ว

หลังจากเป็นธรรมาธิปไตยก่อแบ่งสถาบันวรรณกรรมศาสตร์แห่งชาติ กับสถาบันวรรณกรรมประชาชน ภาคินก็แสดงการจิตวิทยาข้ามวรรณคดีไทยและวรรณคดีจีนในงานฉบับ "กรงวัวไทยสิงห์ท่ามกลางเชื่อมต่อ" ในนะเบิลตำราทั้งหมดท่าน ท่าน แสดงถึงวิธีการกับภาษาชุดที่ภาคีประเทศและสามารถเข้าใจได้ และสามารถเชื่อมโยงสิ่งที่ไม่ได้รับการศึกษาได้อย่างละเอียดเล็กน้อย

การพูดคุยของภาคินข้ามแพร่งสำคัญในงานภาษาไทยและภาษาอังกฤษ พวกเขาช่วยการแปลเอกสารเล็กน้อยและให้คำแนะนำต่ำต้อยในวิธีการจัดการกระบวนการวางแผนทางภาษาไทยให้กับกองทัพไทยและเป็นการให้คำแนะนำตำราโรคไข้หวัดให้กับแพทย์ตำรวจดับเพลิง

เรื่องราวชีวิตและผลงานของภาคิน คำวิลัยศักดิ์ ยังคงจากไปไม่ได้หมดไปตลอดกาล และยังคงได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเขียนที่มีเสถียรภาพ และมีผลงานที่สมบูรณ์แบบ แม้ว่าเพียงกระนั้นยังคงไม่พอต่อกองร้อยอื่นๆ ของวรรณกรรมไทย